พระขุนแผนพรายสายทองปล่องฟ้า หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ
องค์นี้ตะกรุด 2 ดอก (เลขมงคล 164) ขนาดองค์พระ 3.5 X 5.5 ซ.ม.
===============================
เลขศาสตร์ 164 ความสุขและความสำเร็จ
เป็นเลขดี ส่งผลให้เจ้าชะตามักเป็นคนมีรสนิยมสูง มีเสน่ห์ ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ ชอบแสวงหาสิ่งใหม่ๆ สติปัญญาแจ่มใส มักแวดล้อมไปด้วยมิตรสหายที่ดี มีคนรักใคร่ มีเพื่อนมากและสามารถพึ่งพาเพื่อนได้ ชีวิตมีแนวโน้มประสบความสำเร็จดี การงานเจริญก้าวหน้า การค้าขายมีกำไรดี การเรียนจะได้ผลสำเร็จอย่างดีเยี่ยม ชีวิตมีความสุข และมักจะมีโชคดีอยู่บ่อยๆ
======================
พระขุนแผนล้านนาสายพราย ที่กล้าท้าให้คุณพิสูจน์ความศักสิทธิ์ของมหาเวทย์
มหาอำนาจ และ เงินตรา ของ ?#?ศาสตร์วิชาสายไทยใหญ่ และ มหาเวทย์มนตราแห่งแดนล้านนา
มวลสารว่านวิเศษและผงภูติพรายต่างๆในการจัดสร้าง #พระขุนแผนพรายสายทองปล่องฟ้า หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ
มวลสารหลักประกอบด้วย
ผงภูติพรายเหมยฟ้า
ผงภูติพรายคำมา
ผงภูติพรายกาหลง
ผงภูติพรายวิจิตตรา
ผงภูติพรายสุกัญญา
ผงภูติพรายพัชรี
ผงภูติพรายสายทอง
ผงภูติพรายไม่ทราบชื่อ๒พรายจากแดนอินสาน
(๙พรายหลอมรวมเป็น๑เดียว)
ผงพรายหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่
ผงเถ้า-ผงกระดูกผี ผงดินโป่ง๗ป่าช้า
ผงผ้าห่อศพ-ผงด้ายสายสินจ์จูงศพ
น้ำมันพรายล้านนา
ลูกอมหลวงปู่ดู่
ลูกอมครูบาจันต๊ะ
ลูกอมหลวงปู่ทิม
ลูกอมหลวงปพ่อพริ้ง บางปะกอก
ตะกรุดสาริกาเสกล้านนา
พลอยเสกหลวงปู่ทิม
ผงตะไบทองส่วนหนึ่งของหลวงแดง วัดเขาบันไดอิฐ ผสมผงชนวนพระกริ่งล้านนา
ผงไม้ตะเคียนตายพราย
ผงสาริกาลิ้นทอง
ผงว่านดอกทอง
ผงว่านมหาเสน่ห์
ผงนะ หน้าทอง
ผงว่าน 108 จากทั่วสารทิศ
จากผงมวลสารหลักที่เขียนไปข้างตน เป็นเพียงมวลสารส่วนหนึ่ง ในการจัดสร้างพระขุนแผน พรายสายทองปล่องฟ้า เท่านั้น
พระขุนแผนพรายสายทองปล่องฟ้า ( ๙ ภูติพรายหลอมรวมเป็น ๑ เดียว )
ปลุกเสกโดย๔ครูบาอาจารย์แห่งแดนล้านนา
หลวงปู่ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ
หลวงปู่ครูบาเสริฐ วัดหนองปลามัน
หลวงปู่ครูบาตั๋น วัดย่าพาย
หลวงปู่ครูบาศรีมรรย์ วัดบ่อเต่า
พระเกจิอาจารย์ทั้ง ๔ ผู้เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา และ
ความแข้มขลังแห่งวิชามหาไสยเวทย์
พระขุนแผนที่ท้าให้คุณพิสูจน์ ความศักดิ์สิทธิ์ แห่งมนต์ตรา มหาเวทย์ และเงินตรา
ปลุกเสกในวันมหามงคลฤกษ์ วันเข้าพรรษา 31 กค 58 และ 1 สิงหาคม 58 วันมงคลฤกษ์
และทำพิธีพราห์มโดย อาจารย์อ๊อด สายพราย ฆราวาสผู้มีวิทยาคมเข้มขลัง
ศิษย์เอกผู้ใกล้ชิด หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตตาราม ทำพิธีเปิดธาตุภูติพรายต่างๆ
ทุกพิธีการปลุกเสกที่ผ่านพ้นมาเปี่ยมล้นด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ความศรัทธา และประสบการณ์ที่ทีมงานทุกท่านได้พิสูจน์ความแรงมาแล้ว และกล้าท้าให้คุณพิสูจน์มนต์ขลังแห่งมหาเวทย์ของแดนล้านนา
.......................................................
ประวัติครูบาออ ปัณฑิต๊ะ พระเกจิไทยใหญ่แห่งเชียงดาว สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ จ.เชียงใหม่
ปัจจุบันนี้สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือโดยประมาณ ๑๑๐ กิโลเมตร หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ เป็นเจ้าสำนักสงฆ์ อายุได้ ๙๗ ปี พรรษาที่ ๕๘ ท่านเกิดวันอังคาร เดือนสิบสองไตยใหญ่ ตรงกับวันอังคาร ที่ ๑๒ เดือนพฤศจิกายน ปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ ปีขาล ของไทยเรา หมู่บ้านน้ำหน่อ ตำบลปางซาง จังหวัดลายข่า ประเทศพม่า(รัฐฉานไทยใหญ่) บิดาเป็นกำนันชื่อนายจั่นตา มารดาชื่อนางเห็งแปรมีพี่น้องร่วมกันทั้งหมด ๑๐ คน หลวงปู่ครูบาออ เป็นคนที่ ๙ ของครอบครัว ปัจจุบันพี่น้องได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว คงเหลือแต่หลวงปู่ครูบาออท่านเดียวท่านยังมีหลานๆ อยู่ในตำบลเมืองนะ หลายคนในปัจจุบัน
ตามประวัติท่านเป็นครูบาผู้เฒ่าที่มากด้วยวิชาขมังเวท เจ้าอาคมชาวไทยใหญ่ ปลีกตัว เร้นกายอยู่บนดอยสูงเพียงรูปเดียว แม้วัยชรา ก็มีวิชาดี มีบารมีมาก ท่านแบกกลด ธุดงค์จากฝั่งไทยใหญ่ พม่า มาดอยจอมแวะ เพียงรูปเดียว ค่ำไหนนอนนั่น ถ้ำลึกลับ ป่าช้ารก เป็นที่อาศัย ผจญภูตผีปีศาจ เจ้าป่าเจ้าเขา ผ่านมาได้หมด "ครูบาออ" รูปนี้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาจากประชาชนรัฐไทยใหญ่มาก
หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๗ ขวบจนถึงอายุได้ ๑๕ ปี เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านได้ลาสิกขาไปเป็นทหารร่วมรบกับกองกำลังทหารไทยใหญ่ในฐานะผู้นำทัพ (เทียบเท่านายพลของไทย) เจ้าฟ้าแสงเชียง เจ้าแผ่นดินรัฐฉาน ไทยใหญ่ เป็นผู้สักสังวาลเพชร บนศีรษะท่านเมื่ออายุ ๒๐ ปี เพราะโปรดที่ครูบาออ ตอนนั้นเป็นทหารกล้า นำพากองทัพไทยใหญ่รบชนะข้าศึก โดยไม่เสียกำลังพลแม้แต่คนเดียว ผู้ถูกเกณฑ์เป็นทหารไทยใหญ่ รบกับพม่า ทั้งกองร้อยรบไม่เคยแพ้ เพราะก่อนรบท่านทำน้ำมนต์และสักกระหม่อมให้เพื่อนทหารสู้กับศัตรู ปรากฏว่า ปืนทหารพม่ายิงมาไม่ออกบ้าง ออกแต่ไม่ถูกบ้าง ลูกระเบิดตกใกล้ๆ ไม่ระเบิดบ้าง พอปลดจากทหารแล้ว จากคำบอกเล่าของท่านได้กลับมาอุปสมบทอีกครั้งโดยมี ''เจ้าปิ่นยา'' สังฆราชของไทยใหญ่บวชให้เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๙๐
ท่านชอบใช้ชีวิตที่สมถะสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เรียบง่าย เรื่องอาหาร เมื่อมีก็ฉัน ไม่มีก็ไม่ฉัน ที่ไหนเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์อยู่อาศัย ท่านก็จะไปพำนักอยู่ปฏิบัติธรรม เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ใช้ชีวิตสันโดษสมถะ เรียบง่ายและมีความอดทนสูงส่ง ที่บนสำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีชาวบ้านสักหลังคาเรือนแต่ท่านอยู่ได้
ในด้านของวิชาอาคม
ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ ได้เรียนวิชาจากหอคำหลวงของไทไหญ่ เมืองรัฐฉาน จาก พระสังฆราช ของประเทศพม่า จนสำเร็จวิชาในแต่ละด้านจนสำเร็จ ครูบาออได้ร่ำเรียนจากตำราครูบาอาจารย์ของท่านจำนวน ๙ รูป ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่ ๑ รูปอยู่ที่ประเทศพม่า รัฐฉานไทยใหญ่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมและการปฏิบัติตนในแบบฉบับวิปัสสนากรรมฐานสันโดษ หลังจากสำเร็จแล้วนั้นครูบาออ ได้ถูกสืบทอดให้เป็นพระสังฆราช เนื่องจากครูบาออเป็นพระชั้นผู้ใหญ่พระมหาเถระองค์ของไทไหญ่องค์ต่อไป แต่เนื่องด้วยท่านชอบความสันโดด ท่านจึงหอบตำราหลวง ของไทไหญ่ เดินธุดงค์เข้ามาฝั่งไทย จนมาตั้งสำนักสงฆ์บนพระธาตุดอยจอมแวะ ราวปี พุทธศักราช ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบันนี้
ในด้านของลูกศิษย์ครูบาออ ปัณฑิต๊ะ
คนสำคัญ พลโทเจ้ายอดศึก ประธานสภากู้ชาติรัฐฉาน ผู้นำสูงสุดของไทไหญ่ ถือได้เป็นบุคคลสำคัญที่ชาวไทยและนานาอาระยะประเทศรู้จักเป็นอย่างดี พลโทเจ้ายอดศึก เป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ครูบาออ คนสำคัญคนหนึ่ง ที่นับถือเคารพและศัทธา หลวงปู่ครูบาออเป็นอย่างมาก เพราะสมัยหลวงปู่ครูบาออ จำพรรษาอยู่ฝั่งไทไหญ่ หลวงปู่ครูบาออ เป็นพระอาจารย์ที่สอนวิชาและลงอักขระเลขย้นต์ จากหอคำหลวงไทไหญ่ให้กับพลโทเจ้ายอดศึกอย่างมากมาย ในรอบ ๑ ปีพลโทเจ้ายอดศึก ต้องมากราบไหว้และลงอักขระสำทับวิชาอาคมในตัวโดยอาราธนาขอพร จากหลวงปู่ครูบาออ ทำพิธีตามแบบไทใหญ่เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต เพิ่มความเข้มขลังขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดปลอดภัยไว้ป้องกันภัยสาระพัดในสนามรบที่ล้วนมีแต่อันตรายทุกนาที
หลวงปู่ครูบาออได้มอบหมายให้ลูกศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลมาหลายชนิดทั้งที่บันทึกไว้และไม่ได้บันทึกไว้เมื่อสร้างแล้วลงอักขระสำทับวิชาอาคมทำพิธีตามแบบไทยใหญ่แล้วปลุกเสกหลังจากนั้นมอบให้ลูกศิษย์แจกจ่ายให้ทหารและชาวบ้านบ้างพ่อค้าแม่ค้าบ้างนำไปใช้จนเกิดผลสำเร็จทุกคน.