จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | เครื่องราง โชคลาภ ค้าขาย เมตตา |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
สีผึ้งมหาลาภ เมตตา มหาเสน่ห์ ครูบาพิรุณ วัดชัยมงคล เชียงใหม่ ปี 2567
สีผึ้งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บรรจุในตลับสแตนเลส ขนาด 2.6 x 3.2 cm
ครูบาพิรุณท่าน ได้ทำการหุงสีผึ้งด้วยตัวท่านเอง อย่างพิถีพิถัน อีกทั้งยังผสมมวลสารสีผึ้งเก่า และสีผึ้งของครูบาอารย์ของท่านอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมวลสารว่านเสน่ห์ 108 น้ำมันสายเสน่ห์ต่างๆ อีกหลายชนิด ที่ท่านสะสมมานานนับ 10 ปี สมัยที่ยังเดินธุดงค์ตามป่าเขาทางภาคเหนือ ทำการปลุกเสกสีผึ้งตามพระเวทย์ล้านนาโบราณ เป็นเวลานานถึง 7 วัน 7 ราตี นอกจากนี้ท่าน ยังนำมาปลุกเสกเพิ่มตามฤกษ์ต่าง เช่น วันจันทร์ซ้อนจันทร์ วันราหูอมจันท์ พระอาทิตย์ทรงกรด และฤกษ์ต่างๆ ตามตำราที่ท่านได้สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ จนมั่นใจว่าใช้ได้แล้วจึงออกให้บูชา
ของๆท่านไม่แพ้ใครมีติดตัวไม่อดตาย (ท่านได้กล่าวไว้) เป็นอีกเกจิล้านนาที่สำเร็จวิชาสายสมเด็จลุน เป็นเกจิที่เสกของได้แรงและใช้ได้จริงๆ ใครที่ชอบของแรงๆไม่ควรพลาด
สีผึ้งของท่านมีประสบการณ์ด้านเสน่ห์ เมตตา ค้าขาย มานาน มีเคล็ดการใช้หลายด้าน เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ทั้งไทยและมาเลเซียมานานแล้ว
----------------------------------------------------------------------------------------
คาถาปลุกสีผึ้ง
(นะโม 3 จบ)
"นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู สัพพะศัตรู วินาสสันตุ" ท่อง 3-9 จบ
.................................................................
วิธีใช้สีผึ้งมหาลาภ เมตตา มหาเสน่ห์ ครูบาพิรุณ วัดชัยมงคล
1.สิทธิการิยะจักกล่าววิธีใช้สีผึ้ง(น้ำมันนวด) เมตตา ค้าขาย ป้องกันอันตรายต่างๆ ตามที่เคยใช้มาแต่เก่าก่อน แม้นจักขึ้นเจ้าเฝ้านาย ให้ทาริมฝีปาก ทาคิ้วไปเป็นทีรักใคร่โปรดปรานถูกใจ ท้าวพญา แม้นโกรธหายสิ้นแล ให้ลาภสักการะแก่เรา ผิว่ามีของกำนัลฝากก็ดีให้เอาสีผึ้ง ( น้ำมันนวด ) นี้ทาเถิดรักเราเหมือนลูกในอุทรแลฯ
2.แม้นบุคคลใดเกลียดคิดร้ายแก่เราให้เอาสีผึ้งนี้ ทาปาก ทาคิ้ว ทาผม ทามือ แล้วเจรจา บุคคลผู้นั้นหายโกรธไม่อาจทำอันตรายแก่เราได้
3.แม้นไปค้าขาย ให้เอาสีผึ้งทาปาก ทาหน้าผาก ทาลิ้น ทามือ หรือแสวงหาโชคลาภได้ชื้อถูก ขายแพง ค้าง่าย ขายคล่องแลฯ
4.แม้นสัตว์เลี้ยง ผู้คน ลูกน้อง ดุร้ายไม่ค่อยฟังคำสั่ง ให้เอาสีผึ้งนี้ทาของกินให้กินหรือทาที่หลังสัตว์ หายดุร้ายเชื่อฟังเราแลฯ
5.แม้นถูกของมนต์ดำ คุณไสย์ศาสตร์ ฝังรูป ฝังรอย ให้อธิษฐานเอาสีผึ้งนี้ทาหายสิ้นแลฯ
6.แม้นบ้านเรือน อยู่ไม่สบายมีเคราะห์อุบาทว์เกิดขึ้นในบ้านเรือน ให้เอาสีผึ้งนี้ ทาเทียน 4 เล่ม จุดบูชา 4 มุมเรือน ให้อธิฐานถึงพระรัตนตรัย และเทวดาที่รักษาเคหะสถานที่อยู่ จักอยู่ดีมีสุข จุ่มเนื้อ เย็นใจ๋แลฯ
+++ สีผึ้งนี้หากไม่สะดวกทาปาก ให้นำมาท่องคาถาปลุกแล้ว ใช้พกติดไว้ ติดกระเป๋า เหมือนเครื่องรางทั่วไป โดยไม่ต้องทาก็ได้ เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ
---------------------------------------------------------------
วิธีใช้นิ้วมือแตะสีผึ้งทาปาก
1.หากจะเข้าหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ สูงกว่าเรา หรือติดต่อราชการ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้งทาปาก
2.หากจะเข้าไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนที่อ่อนกว่า หรือคนรับใช้ ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้งทาปาก
3.หากจะเข้าไปหาผู้สูงอายุ หรือสาวแก่แม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะสีผึ้งทาปาก
4.หากจะเข้าไปหาสาว ๆ หนุ่ม ๆ ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้งทาปาก
5.หากจะไปหาสาวที่อ่อนกว่า หรือคนที่มีอายุอ่อนกว่า หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้งทาปาก
---------------------------------------------------------------
ข้อห้ามการใช้สีผึ้ง
1.ให้รักษาศีลข้อ 3 ให้เคร่งครัด
2.ห้ามด่า พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ทั้งของตนเองและผู้อื่น
3.ห้ามถุยน้ำลายลงในโถส้วม ทางเดิน ถังขยะ
4.ห้ามใช้ในทางที่ผิดศิลธรรม อยากเห็นผลไวควรปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม
.........................................................................................................................
ประวัติครูบาพิรุณ สิริจันโท วัดชัยมงคล จ.เชียงใหม่
ครูบาพิรุณ บวชตั้งแต่เป็นสามเณรในปี พ.ศ.2519 และได้เรียนนักธรรมจนสอบนักธรรมชั้นตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอกได้ตามลำดับ
เมื่อคราวที่วัดจัดงานปริวาสกรรม จึงได้พบกับอาจารย์วิรัตน์ จัตตมโล เริ่มสนใจพระกรรมฐาน นั่งสมาธิจนลืมฉันข้าว ฉันน้ำ
และก็ได้ออกเดินธุดงค์กับอาจารย์วิรัตน์ อยู่หลายปี ตอนที่ยังเป็นสามเณร
และก็ได้พบกับพระอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับสามเณรพิรุณ
ก็คือ หลวงปู่กลั่น อินทธัมโม (ฉายา ตาเรดาร์ ตาทิพย์) แห่งวัดทุ่งศรีน้อย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด สามเณรพิรุณตั้งใจเรียนวิชาทุกอย่างที่หลวงปู่สอนให้จนเป็นที่พอใจของหลวงปู่
แล้วก็เดินธุดงค์กับหลวงปู่มาที่เขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี และก็เดินธุดงค์ไปทั่วตามที่หลวงปู่พาไป สามเณรพิรุณคิดถึงพ่อแม่เลยขอเดินทางกับมาที่เชียงราย
แต่การกลับมาคราวนี้ทำให้พ่อแม่แปลกใจ เนื่องจากไม่กลับไปอยู่วัดแต่กลับไปอยู่ที่ป่าช้า สาเหตุก็คือตอนไปธุดงค์ที่ลำปาง ไปเรียนรู้กับหลวงปู่เกษม เขมโก
และท่านก็ได้แนะนำให้สามเณรไปฝึกจิตอยู่ในที่เงียบสงบ และไม่มีที่ไหนที่เงียบและเหมาะกับการฝึกจิตได้เท่ากับป่าช้าอีกแล้ว
ครั้นสามเณรพิรุณได้กลับมาที่เชียงรายและได้ปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่เกษมแนะนำ
และในช่วงที่กำลังอยู่ที่ป่าช้านั้น ก็ได้มีพระรูปหนึ่งมาชวนให้ไปหาหลวงปู่แหวน
พอไปพบท่านแล้ว ท่านก็บอกว่า “ให้บวชนานๆ เด้อ” สามเณรพิรุณรับปาก พออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทโดยมี พระครูสีลนันทคุณ วัดสีลาอาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูสีลาจารโสภิต (คำบาง อชิโต) วัดธัมมิกาวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการดวงแก้ว ฐิติวณฺโณ วัดสันติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
และได้เดินธุดงค์ไปประเทศพม่า ศึกษาวิชาต่างๆ ที่ตัวเองชอบ และกลับมาวัดชัยมงคล จ.เชียงใหม่ จนเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน
ครูบาพิรุณ ทำการสร้าง วัตถุมงคล ขึ้นมาไม่มากนัก อาทิ เช่น น้ำมันว่าน สีผึ้ง ( มีประสบการณ์มากมาย ) เครื่องรางต่างๆ ตะกรุดหนูกินนมแมว อิ่นคู่ ยันต์ 9 กุ่ม และตะกรุดต่าง ซึ่งท่านจะจารมือ เรียกสูตร เรียกนามที่ละตัว อย่างพิถีพิถัน อะเอียดทุกขั้นตอน ด้วยตัวท่านเอง ตามแบบอย่างครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาอย่างเคร่งคัด
พระปิดตา และพระผงต่างๆ ที่ท่านสร้างจะใช้มวลสาร ของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ที่เหลือจากการสร้างพระปิดตา รุ่นแรก วัดชัยมงคล เมื่อคราวที่หลวงปู่โต๊ะ มาสร้างพระปิดตา วัดชัยมงคล เมื่อ ปี 2522 (ซึ่งครูบาพิรุณท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่โต๊ะ และเรียนวิชาการผสมผง ทำพระปิดตา กับหลวงปู่โต๊ะ ในครั้งนั้ยด้วย) มาเป็นมวลสารหลักผสมกับผงพุทธคุณ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ครูบาพิรุณท่านเสาะแสวงหามาใช้เป็นมวลสาร ในการสร้างพระของท่าน วัดถุมงคลของท่านโดยเฉพาะพระเนื้อผงต่างๆ ท่านจะผสมผง ด้วยตัวท่านเอง และกดพิมพ์เองภายในวัด ตามฤกษ์ยามที่เป็นมงคล แบบโบราณ ทำให้ผู้ใช้วัตถุมลคลของท่านต่างพบเจอประสบการณ์มากมาย เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ ทั้งชาวไทย และประเทศเพื่อนบ้าน
ครูบาพิรุณท่านเป็นอยู่เบื้องหลังการเสกวัตถุมงคล ต่างๆ หลายวัด หลายสำนักดังๆในเชียงใหม่ ของๆท่านไม่แพ้ใครมีติดตัวไม่อดตาย (ท่านได้กล่าวไว้)
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
สีผึ้งมหาลาภ เมตตา มหาเสน่ห์ ครูบาพิรุณ วัดชัยมงคล เชียงใหม่ ปี 2567
สีผึ้งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ บรรจุในตลับสแตนเลส ขนาด 2.6 x 3.2 cm ครูบาพิรุณท่าน ได้ทำการหุงสีผึ้งด้วยตัวท่านเอง อย่างพิถีพิถัน อีกทั้งยังผสมมวลสารสีผึ้งเก่า และสีผึ้งของครูบาอารย์ของท่านอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมวลสารว่านเสน่ห์ 108 น้ำมันสายเสน่ห์ต่างๆ อีกหลายชนิด ที่ท่านสะสมมานานนับ 10 ปี สมัยที่ยังเดินธุดงค์ตามป่าเขาทางภาคเหนือ ทำการปลุกเสกสีผึ้งตามพระเวทย์ล้านนาโบราณ เป็นเวลานานถึง 7 วัน 7 ราตี นอกจากนี้ท่าน ยังนำมาปลุกเสกเพิ่มตามฤกษ์ต่าง เช่น วันจันทร์ซ้อนจันทร์ วันราหูอมจันท์ พระอาทิตย์ทรงกรด และฤกษ์ต่างๆ ตามตำราที่ท่านได้สืบทอดมาจากครูบาอาจารย์ จนมั่นใจว่าใช้ได้แล้วจึงออกให้บูชา ของๆท่านไม่แพ้ใครมีติดตัวไม่อดตาย (ท่านได้กล่าวไว้) เป็นอีกเกจิล้านนาที่สำเร็จวิชาสายสมเด็จลุน เป็นเกจิที่เสกของได้แรงและใช้ได้จริงๆ ใครที่ชอบของแรงๆไม่ควรพลาด สีผึ้งของท่านมีประสบการณ์ด้านเสน่ห์ เมตตา ค้าขาย มานาน มีเคล็ดการใช้หลายด้าน เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ทั้งไทยและมาเลเซียมานานแล้ว ---------------------------------------------------------------------------------------- คาถาปลุกสีผึ้ง (นะโม 3 จบ) "นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู สัพพะศัตรู วินาสสันตุ" ท่อง 3-9 จบ ................................................................. วิธีใช้สีผึ้งมหาลาภ เมตตา มหาเสน่ห์ ครูบาพิรุณ วัดชัยมงคล 1.สิทธิการิยะจักกล่าววิธีใช้สีผึ้ง(น้ำมันนวด) เมตตา ค้าขาย ป้องกันอันตรายต่างๆ ตามที่เคยใช้มาแต่เก่าก่อน แม้นจักขึ้นเจ้าเฝ้านาย ให้ทาริมฝีปาก ทาคิ้วไปเป็นทีรักใคร่โปรดปรานถูกใจ ท้าวพญา แม้นโกรธหายสิ้นแล ให้ลาภสักการะแก่เรา ผิว่ามีของกำนัลฝากก็ดีให้เอาสีผึ้ง ( น้ำมันนวด ) นี้ทาเถิดรักเราเหมือนลูกในอุทรแลฯ 2.แม้นบุคคลใดเกลียดคิดร้ายแก่เราให้เอาสีผึ้งนี้ ทาปาก ทาคิ้ว ทาผม ทามือ แล้วเจรจา บุคคลผู้นั้นหายโกรธไม่อาจทำอันตรายแก่เราได้ 3.แม้นไปค้าขาย ให้เอาสีผึ้งทาปาก ทาหน้าผาก ทาลิ้น ทามือ หรือแสวงหาโชคลาภได้ชื้อถูก ขายแพง ค้าง่าย ขายคล่องแลฯ 4.แม้นสัตว์เลี้ยง ผู้คน ลูกน้อง ดุร้ายไม่ค่อยฟังคำสั่ง ให้เอาสีผึ้งนี้ทาของกินให้กินหรือทาที่หลังสัตว์ หายดุร้ายเชื่อฟังเราแลฯ 5.แม้นถูกของมนต์ดำ คุณไสย์ศาสตร์ ฝังรูป ฝังรอย ให้อธิษฐานเอาสีผึ้งนี้ทาหายสิ้นแลฯ 6.แม้นบ้านเรือน อยู่ไม่สบายมีเคราะห์อุบาทว์เกิดขึ้นในบ้านเรือน ให้เอาสีผึ้งนี้ ทาเทียน 4 เล่ม จุดบูชา 4 มุมเรือน ให้อธิฐานถึงพระรัตนตรัย และเทวดาที่รักษาเคหะสถานที่อยู่ จักอยู่ดีมีสุข จุ่มเนื้อ เย็นใจ๋แลฯ +++ สีผึ้งนี้หากไม่สะดวกทาปาก ให้นำมาท่องคาถาปลุกแล้ว ใช้พกติดไว้ ติดกระเป๋า เหมือนเครื่องรางทั่วไป โดยไม่ต้องทาก็ได้ เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ --------------------------------------------------------------- วิธีใช้นิ้วมือแตะสีผึ้งทาปาก 1.หากจะเข้าหาผู้ใหญ่ หรือผู้มียศ สูงกว่าเรา หรือติดต่อราชการ ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือแตะสีผึ้งทาปาก 2.หากจะเข้าไปหาคนรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือคนที่อ่อนกว่า หรือคนรับใช้ ให้ใช้นิ้วชี้แตะสีผึ้งทาปาก 3.หากจะเข้าไปหาผู้สูงอายุ หรือสาวแก่แม่หม้าย ให้ใช้นิ้วกลางแตะสีผึ้งทาปาก 4.หากจะเข้าไปหาสาว ๆ หนุ่ม ๆ ให้ใช้นิ้วนางแตะสีผึ้งทาปาก 5.หากจะไปหาสาวที่อ่อนกว่า หรือคนที่มีอายุอ่อนกว่า หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ใช้นิ้วก้อยแตะสีผึ้งทาปาก --------------------------------------------------------------- ข้อห้ามการใช้สีผึ้ง 1.ให้รักษาศีลข้อ 3 ให้เคร่งครัด 2.ห้ามด่า พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ทั้งของตนเองและผู้อื่น 3.ห้ามถุยน้ำลายลงในโถส้วม ทางเดิน ถังขยะ 4.ห้ามใช้ในทางที่ผิดศิลธรรม อยากเห็นผลไวควรปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรม ......................................................................................................................... ประวัติครูบาพิรุณ สิริจันโท วัดชัยมงคล จ.เชียงใหม่ ครูบาพิรุณ บวชตั้งแต่เป็นสามเณรในปี พ.ศ.2519 และได้เรียนนักธรรมจนสอบนักธรรมชั้นตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอกได้ตามลำดับ เมื่อคราวที่วัดจัดงานปริวาสกรรม จึงได้พบกับอาจารย์วิรัตน์ จัตตมโล เริ่มสนใจพระกรรมฐาน นั่งสมาธิจนลืมฉันข้าว ฉันน้ำ และก็ได้ออกเดินธุดงค์กับอาจารย์วิรัตน์ อยู่หลายปี ตอนที่ยังเป็นสามเณร และก็ได้พบกับพระอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้กับสามเณรพิรุณ ก็คือ หลวงปู่กลั่น อินทธัมโม (ฉายา ตาเรดาร์ ตาทิพย์) แห่งวัดทุ่งศรีน้อย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด สามเณรพิรุณตั้งใจเรียนวิชาทุกอย่างที่หลวงปู่สอนให้จนเป็นที่พอใจของหลวงปู่ แล้วก็เดินธุดงค์กับหลวงปู่มาที่เขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี และก็เดินธุดงค์ไปทั่วตามที่หลวงปู่พาไป สามเณรพิรุณคิดถึงพ่อแม่เลยขอเดินทางกับมาที่เชียงราย แต่การกลับมาคราวนี้ทำให้พ่อแม่แปลกใจ เนื่องจากไม่กลับไปอยู่วัดแต่กลับไปอยู่ที่ป่าช้า สาเหตุก็คือตอนไปธุดงค์ที่ลำปาง ไปเรียนรู้กับหลวงปู่เกษม เขมโก และท่านก็ได้แนะนำให้สามเณรไปฝึกจิตอยู่ในที่เงียบสงบ และไม่มีที่ไหนที่เงียบและเหมาะกับการฝึกจิตได้เท่ากับป่าช้าอีกแล้ว ครั้นสามเณรพิรุณได้กลับมาที่เชียงรายและได้ปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่เกษมแนะนำ และในช่วงที่กำลังอยู่ที่ป่าช้านั้น ก็ได้มีพระรูปหนึ่งมาชวนให้ไปหาหลวงปู่แหวน พอไปพบท่านแล้ว ท่านก็บอกว่า “ให้บวชนานๆ เด้อ” สามเณรพิรุณรับปาก พออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทโดยมี พระครูสีลนันทคุณ วัดสีลาอาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสีลาจารโสภิต (คำบาง อชิโต) วัดธัมมิกาวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการดวงแก้ว ฐิติวณฺโณ วัดสันติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้เดินธุดงค์ไปประเทศพม่า ศึกษาวิชาต่างๆ ที่ตัวเองชอบ และกลับมาวัดชัยมงคล จ.เชียงใหม่ จนเป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน ครูบาพิรุณ ทำการสร้าง วัตถุมงคล ขึ้นมาไม่มากนัก อาทิ เช่น น้ำมันว่าน สีผึ้ง ( มีประสบการณ์มากมาย ) เครื่องรางต่างๆ ตะกรุดหนูกินนมแมว อิ่นคู่ ยันต์ 9 กุ่ม และตะกรุดต่าง ซึ่งท่านจะจารมือ เรียกสูตร เรียกนามที่ละตัว อย่างพิถีพิถัน อะเอียดทุกขั้นตอน ด้วยตัวท่านเอง ตามแบบอย่างครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาอย่างเคร่งคัด พระปิดตา และพระผงต่างๆ ที่ท่านสร้างจะใช้มวลสาร ของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ที่เหลือจากการสร้างพระปิดตา รุ่นแรก วัดชัยมงคล เมื่อคราวที่หลวงปู่โต๊ะ มาสร้างพระปิดตา วัดชัยมงคล เมื่อ ปี 2522 (ซึ่งครูบาพิรุณท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่โต๊ะ และเรียนวิชาการผสมผง ทำพระปิดตา กับหลวงปู่โต๊ะ ในครั้งนั้ยด้วย) มาเป็นมวลสารหลักผสมกับผงพุทธคุณ และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ครูบาพิรุณท่านเสาะแสวงหามาใช้เป็นมวลสาร ในการสร้างพระของท่าน วัดถุมงคลของท่านโดยเฉพาะพระเนื้อผงต่างๆ ท่านจะผสมผง ด้วยตัวท่านเอง และกดพิมพ์เองภายในวัด ตามฤกษ์ยามที่เป็นมงคล แบบโบราณ ทำให้ผู้ใช้วัตถุมลคลของท่านต่างพบเจอประสบการณ์มากมาย เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ ทั้งชาวไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ครูบาพิรุณท่านเป็นอยู่เบื้องหลังการเสกวัตถุมงคล ต่างๆ หลายวัด หลายสำนักดังๆในเชียงใหม่ ของๆท่านไม่แพ้ใครมีติดตัวไม่อดตาย (ท่านได้กล่าวไว้) ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |