จระเข้อาคม หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต ปี 2549

จระเข้อาคม หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต  ปี 2549

จระเข้อาคม หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล ฉลองอายุ 109 พรรษา
หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต พระอริยสงฆ์ 5 แผ่นดิน แห่งแดนทักษิณ  ปี 2549

ขนาดยาวประมาณ 2 นิ้ว เลี่ยมพร้อมใช้

จระเข้อาคม " เป็นวิชาเฉพาะตัวของหลวงปู่ที่ขลังมาก หลังจากที่ท่านสำเร็จวิชาจากหลวงปู่ศุขแล้ว ท่านได้ธุดงค์ต่อและได้วิชาจระเข้อาคมนี้มาจากคหบดีท่านหนึ่ง
จระเข้อาคมขนาดห้อยคอ ตามตำราอย่างครบสูตร จระเข้อาคมผ่านการอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอย่างถูกต้องตามตำรา
ปกป้องคุ้มครอง ป้องกันภัย ไม่ยากจน แคล้วคลาด ภูตผีปีศาจเกรงกลัว ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน ถอดถอนเสน่ห์ยาแฝดต่างๆ

จระเข้โทน จะใส่กระเป้าเสื้อกางเกง ผูกติดเอว คล้องคอได้.รักษาทรัพย์คุ้มครองสมบัติเงินทองดีมาก แถมยังมีมหาโภคทรัพย์เงินทองทรัพย์สมบัติงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นอีก เสริมบารมี
โดยเฉพาะใครทำงาน เป็นหัวหน้าคน ควรมีไว้เสริมบารมี  

***จระเข้อาคม หลวงปู่สุภา ในกระบวนเครื่องรางของขลังวิชาเฉพาะตัวของ "หลวงปู่สุภา" นอกจาก "แมงมุมเรียกทรัพย์" ที่สร้างชื่อให้ท่านแล้ว
ยังมีเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่ท่านได้ไปเรียนมานอกสำนักวัดปากคลองมะขามเฒ่า นั้นก็คือ "วิชาจระเข้อาคม"

เท่าที่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคลรู้มา หลวงปู่สุภาได้สร้างจระเข้อาคมมานานแล้ว แต่เป็นขนาดบูชา คือขนาดใหญ่ แกะด้วยไม้ทองหลางทอง
ผู้ที่ได้รับจระเข้อาคมจากท่านไปต่างบอกกันปากต่อปากว่าป้องกันภัยได้ดี รักษาทรัพย์คุ้มครองสมบัติเงินทองดีมาก
แถมยังมีมหาโภคทรัพย์เงินทองทรัพย์สมบัติงอกเงยเพิ่มพูนขึ้น คำว่ายากจนข้นแค้นจะหนีไกลไปเลย ไม่ปรากฏกับผู้ที่ได้บูชาจระเข้อาคมของหลวงปู่สุภาไปบูชา
ทำให้จระเข้อาคมของท่านดังไกลและคงความเข้มขลังในหมู่ลูกศิษย์มานานแล้ว นับเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเครื่องรางที่น่าสะสม
...............................................

#คาถาบูชาจระเข้อาคม หลวงปู่สุภา

"โอม มะ ระ วิง ระ ไว ระ วัง ระ" ให้หมั่นท่อง 108 จบ แล้วอธิษฐานฝากบ้านฝากรถเฝ้าทรัพย์ (แล้วแต่อธิษฐาน)

#จระเข้อาคม เป็นรูปจระเข้นอนอ้าปาก ลักษณะกำลังจู่โจมเหยื่อ เมื่อได้แล้วก็ให้เรียกสูตรเรียกนามกำกับตั้งแต่หัวถึงปลายหาง และเท้าทั้งสี่ให้ครบถ้วน ลงอักขระกำกับตามตำราต้องปลุกเสกให้เห็นในนิมิตว่าจระเข้เคลื่อนไหวไปมาได้จึงจะสำเร็จ สมัยรุ่นปู่ย่าตาทวดของผู้ถ่ายทอดนั้นถึงขนาดเสกแล้วเอาไปลอยในคลองหรือแม่น้ำ ภาวนาแล้วจระเข้จะเคลื่อนไหวว่ายน้ำได้เป็นอัศจรรย์ แต่มาถึงรุ่นี้เอาแค่นิมิตก็พอแล้ว
เมื่อมีผู้คนแปลกหน้าเข้ามาในเขตบ้านที่กำหนดไว้ จะปรากฏเป็นจระเข้พุ่งออกมาไล่งับกระเจิดกระเจิง คนกลัวไม่กล้าเข้ามาไม่ว่ากลางวันกลางคืน เพราะคนที่เคยโดนดีไปเล่าขยายวงออกไป

#เคล็ดลับของการใช้จระเข้
ก็คือเมื่อแรกนำเข้าบ้านตอนกลางคืน ให้บอกกล่าวจระเข้ว่คนในบ้านมีใครบ้าง ชื่ออะไร อยู่ห้องไหน จระเข้จะจำได้ทุกคน ไม่งั้นเวลาออกไปนอกบ้านกลางคืนจะถูกจระเข้ไล่กัดเอา แม้มีคนมานอนด้วยก็ต้องบอกกล่าวกับจระเข้เพื่อให้รู้จัก ไม่งั้นก็จะเป็นอันตรายได้

#จระเข้ นับเป็นของขลังที่มีผู้นำไปคุ้มครองป้องกันอันตรายจากโจรผู้ร้ายได้ผลดี หลายบ้านขโมยขึ้นรอยเท้าเป็นเทือกแต่เอาของอะไรไปไม่ได้ บางบ้านขนของออกมากองเอาไว้เตรียมขนออก แต่กลับตาลีตาเหลือกออกนอกบ้านไป ทิ้งสมบัติที่อุตส่าห์เสี่ยงลูกปืนเข้าไปย่องเอา

หลายรายบอกว่ามีเสียงคนมาปลุกให้ตื่นมาทันเวลาที่ขโมยกำลังเข้าบ้าน นอกจากนั้นยังกันภูติผีปีศาจและคุณไสยต่าง ๆ เป็นอย่างดี ใครคิดร้ายก็มีอันเป็นไป ป้องกันไฟไหม้ ฟ้าผ่า มีอยู่รายหนึ่งคนร้ายวิ่งวนในบ้านจนจับได้ คนร้ายสารภาพว่าถูกจระเข้ที่ปล่อยไว้ในบ้านไล่งับจนวิ่งกระเจิงจนถูกจับได้ ให้ตำรวจจับเจ้าของบ้านที่เลี้ยงจระเข้ไว้อย่างผิดกฏหมาย แต่เจ้าของบ้านก็พาไปดูว่าไม่มีจระเข้ แต่เป็นคนร้ายตาฝาดไปเอง

ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ 106 ปี หลวงปู่สุภา กันตะสีโล 17 กันยายน 2544
........................................................
หลวงปู่สุภา กันตสีโล เกิดที่จังหวัดสกลนคร เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แล้วมุ่งมั่นศึกษาในทางธรรมเรื่อยมาจนกระทั่งอายุครบบวชได้ทำการ อุปสมบทที่ถ้ำภูเขาควาย ประเทศลาว โดยมีหลวงปู่สีทัตต์ (ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน) เป็นพระอุปัชฌาย์ (เป็นพระสงฆ์องค์เดียวที่บวชในถ้ำ)

จากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ตามพระอุปัชฌาย์ข้ามขุนเขาและป่าลึก ในเขตพื้นที่ประเทศลาว เขมร พม่า ต่อมาจึงได้เข้าเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท (หลังจากที่กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เรียนจบไปแล้ว) หลวงปู่ศุขได้ถ่ายทอดศาสตร์แมงมุมและศาสตร์อื่นๆ ให้กับหลวงปู่สุภาจนมีความรู้ความชำนาญแล้ว จึงลาจากหลวงปู่ศุข หลวงปู่สุภาได้ธุดงค์ลงสู่ภาคใต้ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ช่วงนั้นเห็นบ้านหลังหนึ่งไม่มีคนอยู่ในบ้าน แต่เปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ ซึ่งมีข้าวของเครื่องประดับมีค่าราคาแพงเต็มไปหมด..เป็นที่น่าฉงนใจนักที่เจ้าของบ้านไม่ดูแลข้าวของเลย

หลวงปู่สุภาจึงแวะพักใต้ต้นไม้ข้างบ้าน แล้วนั่งสมาธิจึงได้รู้ว่าบ้านหลังนี้เจ้าของบ้านได้เสกจระเข้ให้เฝ้าบ้าน หลวงปู่สุภาจึงนั่งรอจนเจ้าของบ้านซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ใจบุญอายุประมาณ 70 ปี และดูเป็นคนมีวิชาอาคมได้ออกมาต้อนรับ ถวายน้ำชาน้ำฉันแล้วได้นั่งสนทนากัน หลวงปู่ถามว่า “ท่านไม่กลัวหรือของมีค่าตั้งมากแต่เปิดบ้านทิ้งไว้” และได้พูดถึงจระเข้เฝ้าบ้าน เจ้าของบ้านทึ่งที่หลวงปู่รู้เรื่องนี้ ท่านเศรษฐีตอบว่า “ไม่กลัวครับผมมีของดี” ว่าแล้วก็นำจระเข้ตัวเขื่องออกมาโชว์บอกว่าเป็นจระเข้อาคม

หลวงปู่สุภาจึงขอเรียนวิชาทำจระเข้อาคม ท่านเศรษฐีบอกว่าถ้าท่านไม่ขอผมก็ถวายให้ เพราะผมตายวิชานี้ก็สูญที่ผม ท่านมีบุญมากสืบทอดวิชานี้ได้ และเต็มใจที่จะถ่ายทอดศาสตร์นี้ให้กับหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่สุภาก็เรียนวิชาจระเข้อาคม ท่านเศรษฐีเจ้าของบ้านได้บอกสำทับว่า “วิชาจระเข้อาคมเมื่อทำสำเร็จจะมีตัวมีตนมีอานุภาพดีด้านเฝ้าบ้าน เฝ้าทรัพย์ ปกป้องคุ้มครองดูแลทรัพย์สมบัติเงินทองให้อยู่กับเรา ป้องกันโจรผู้ร้าย ใครก็เอาไปไม่ได้ ป้องกันภัยได้ทุกชนิด และยังเป็นจระเข้อาคมเจ้าทรัพย์ จระเข้อาคมอยู่ที่ไหน ทรัพย์สมบัติจะงอกเงยเพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลา คำว่าอดยากยากจน ข้าวยากหมากแพงจะไม่มีกับผู้ที่มีจระเข้อาคม”

หลังจากที่ได้วิชาอาคมนี้แล้ว หลวงปู่สุภาก็ได้สร้างจระเข้อาคมขนาดบูชาจ่ายแจกศิษยานุศิษย์บ้างในบางครั้งที่มีโอกาส ซึ่งแต่ละรุ่นก็ไม่มากนักเนื่องจากไม่ต้องการทำให้เป็นพาณิชย์ ปรากฏว่าคุ้มครองรักษาทรัพย์ ป้องกันภัยดีมาก ไม่ปรากฏว่าจระเข้ของหลวงปู่อยู่ที่ไหนแล้วยากจนลงเลย

"จระเข้อาคม" เป็นวิชาเฉพาะตัวของหลวงปู่ที่ขลังมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หลวงปู่สร้างจระเข้อาคมขนาดเล็กห้อยคออุดด้วยไม้ทองหลางทองตามตำราอย่างครบถ้วน เมื่อตอนเสกก็เกิดลำแสงสีทองประหลาดที่บริเวณพานจระเข้และที่มือของหลวงปู่ขณะปลุกเสกจระเข้อาคม ในช่วงนั้น “เหนือฟ้าฯ” ได้ถ่ายรูปไว้ (ซึ่งจะมีแสงพวยพุ่งออกมาบนพาน น่าอัศจรรย์ยิ่ง ถ้าหากเป็นกล้องธรรมดาก็จะพูดได้ว่าฟิล์มผิดปกติแต่นี่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลที่ใช้เมมโมรี่การ์ดออกมาอย่างนั้นได้ยังไง) และมีพยานเห็นกันหลายคน แสดงถึงความเข้มขลังและพลังวิชาคุณวิเศษของจระเข้อาคมเล็กรุ่นแรกนี้ว่าดีและเด่นเพียงใด

ก็มีหลายคนที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปด้วยความศรัทธา รายหนึ่งได้ถวายเงินไป 1 แสนบาท เพื่อให้นำไปพัฒนาวัด คือนายสุนทร สุรบัญชาการ เจ้าของไชน่าทาวน์คอนโด ถนนรามอินทรา บอกว่าก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่เศรษฐกิจทรุด กิจการของเขาก็ทรุดไปด้วย และได้มาขอบารมีจากหลวงปู่สุภา ท่านก็ให้จระเข้อาคมไปตัวหนึ่งหลังจากนั้นมารู้สึกว่ามีอะไรๆ ที่ดีขึ้น คอนโดก็ขายหมดเกลี้ยงทั้งๆ ที่อยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง เป็นที่น่าแปลกจึงเลื่อมใสหลวงปู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อีกรายคือ คุณภักดี จูเจริญ ทำธุรกิจโรงงานเฟอร์นิเจอร์ยี่ห้อซิกม่า บอกว่าก่อนหน้านี้ที่โรงงานมีของหายเป็นประจำ ก็ได้มาขอจระเข้อาคมของหลวงปู่ไป พอนำไปบูชาไม่กี่วัน คืนหนึ่งลูกจ้าง 2 คนผัวเมียวิ่งหน้าตื่นร้องเสียงหลงมาหา แล้วบอกว่ามีจระเข้ตัวหนึ่งวิ่งอ้าปากเข้ามาหาจะงับ เท่านั้นแหละคุณภักดีก็รู้ว่า 2 คนนี้คือขโมย จากนั้นก็ศรัทธาต่อหลวงปู่มาก มีงานฉลองวันเกิดเมื่อใดมาร่วมงานทุกครั้ง

รายนี้มาแบบสดๆ ร้อนๆ พอเห็น “เหนือฟ้าฯ” คุยกับ 2 นักธุรกิจ เธอชื่อ ภรินทร เจริญรัตน์ ได้เข้ามาคุยด้วยบอกว่า เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 กันยายน ได้เดินทางมานมัสการหลวงปู่ครั้งหนึ่งแล้ว และได้จระเข้อาคมไป 1 ตัว พอกลับไปถึงโรงแรมก็ได้ซื้อลอตเตอรี่มา 1 คู่ พอตกเย็นตรวจถูกรางวัล (แต่ไม่ยอมบอกว่ารางวัลที่เท่าไร) ในตอนเช้าไปขึ้นเงิน แล้วก็มาทำบุญต่อที่วัดหลวงปู่ เธอบอกต่อว่ามีความศรัทธามากที่ให้ลาภ และก็บอกว่าเมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ ในงวดนี้จะซื้อลอตเตอรี่ และจะซื้อให้มากกว่าเดิม (จะได้รางวัลมากๆ)