ไฮไลท์
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖ เนื้อทองแดง พร้อมเลี่ยมทอง
พระนาคปรก มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีมะโรง ปีมะเส็ง หรือคนเกิดปีที่เกื้อหนุนกันกับปีมะโรง เช่น คนเกิดปีฉลู ปีระกา ปีชวด ปีวอก เพื่อหนุนดวง เสริมบารมี โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดจากภัยอันตลาดทั้งปวง หรือคนที่ต้องการเสริมดวงแก้ปีชง ในปีมะโรง ตามความเชื่อ หรือคนที่เกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระนาคปรกไว้บูชาเนื่องจากเป็นพระประจำวันเกิด
คาถาบูชาพระนาคปรก
ตั้งนะโม 3 จบ น้อมจิตระลึกถึงพระรัตนตรัย แล้วสวดคาถาบูชาพระนาคปรก 10 จบ (ตามกำลังวันเสาร์)
ยะโตหัง ถะคินิ อะริยายะ ชาติยาชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณังชีวิตา โวโรเปตา เตนะ สัจเจนะโสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ
คาถาบูชาพระปางนาคปรกแบบย่อ
ตั้งนะโม 3 จบ
โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
อานุภาพของบทสวดบูชาพระนาคปรก คือ ปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าทุกข์และภัยพิบัติต่าง ๆ และยังมีความเชื่ออีกว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา ยังเชื่อกันอีกว่าเป็นพระคาถาขององคุลิมาลที่ไว้ท่องเวลาเสกน้ำให้ผู้หญิงท้องดื่ม เพื่อจะได้คลอดบุตรง่าย ๆ รับรองว่าหากใครได้สวดบทนี้ทุกวัน ชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ
..................................
ประวัติพระปางนาคปรก
หลังจากที่พระพุทธโคตมได้ทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้แปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุตติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นักโดยประทับแต่ละที่สัปดาห์ละ 7 วัน และในสัปดาห์ที่ 6 ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิกน้ำ) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอดเจ็ดวันไม่ขาดสาย พญานาคได้ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้ เข้าไปขนด 7 รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์ ลำดับนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเปล่งอุทานว่า
ความสงัดคือความสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้วได้รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความสำรวมไม่เบียดเบียนในสัตว์ทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ปราศจากกำหนัดหรือสามารถก้าวล่วงพ้นซึ่งกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขอันประเสริฐในโลก ความขาดจากอัสมิมานะหรือการถือตัวตนหากกระทำให้ (การถือตัว) หมดสิ้นไปได้นั้นเป็นความสุขอย่างยิ่ง
............................................................................................
พระชุดนี้พระอาจารย์ทองเจือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ พร้อมคุณลุงแก้ว ศิริรัตน์และคณะร่วมกันจัดสร้าง เพื่อนำปัจจัยสมทบทุน
สร้างถาวรวัตถุในวัดต่างๆ วัตถุมงคลชุดนี้ประกอบด้วย
1.พระเนื้อผงพิมพ์พระปิดตาภควัมบดี
2.พระเนื้อผง พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่นั่งสมาธิ(พิมพ์เสาโบสถ์)
3.เข็มกลัดและเข็มติดเนคไท
4.พระนาคปรกใบมะขาม
5.ผ้ายันต์พิมพ์สี่เหลี่ยม
6.รูปพิมพ์ขนาดเล็ก
การสร้างพระได้ทำขึ้น 3 วาระคือ
-วาระแรก ได้ประกอบพิธีที่วัดปากน้ำ
-วาระที่สอง ได้ประกอบพิธีที่วัดวิเวกวนาราม
-วาระที่สาม ได้ประกอบพิธีที่วัดดอยแม่ปั๋ง
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖ เนื้อทองแดง  พร้อมเลี่ยมทอง

พระนาคปรก มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีมะโรง ปีมะเส็ง หรือคนเกิดปีที่เกื้อหนุนกันกับปีมะโรง เช่น คนเกิดปีฉลู ปีระกา ปีชวด ปีวอก เพื่อหนุนดวง เสริมบารมี โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดจากภัยอันตลาดทั้งปวง หรือคนที่ต้องการเสริมดวงแก้ปีชง ในปีมะโรง ตามความเชื่อ  หรือคนที่เกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระนาคปรกไว้บูชาเนื่องจากเป็นพระประจำวันเกิด

คาถาบูชาพระนาคปรก

ตั้งนะโม 3 จบ น้อมจิตระลึกถึงพระรัตนตรัย แล้วสวดคาถาบูชาพระนาคปรก 10 จบ (ตามกำลังวันเสาร์)

ยะโตหัง  ถะคินิ  อะริยายะ  ชาติยาชาโต  นาภิชานามิ  สัญจิจจะ   ปาณังชีวิตา  โวโรเปตา  เตนะ  สัจเจนะโสตถิ  เต  โหตุ  โสตถิ  คัพภัสสะ ฯ

คาถาบูชาพระปางนาคปรกแบบย่อ

ตั้งนะโม 3 จบ

 โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ

อานุภาพของบทสวดบูชาพระนาคปรก คือ ปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าทุกข์และภัยพิบัติต่าง ๆ และยังมีความเชื่ออีกว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา  ยังเชื่อกันอีกว่าเป็นพระคาถาขององคุลิมาลที่ไว้ท่องเวลาเสกน้ำให้ผู้หญิงท้องดื่ม เพื่อจะได้คลอดบุตรง่าย ๆ รับรองว่าหากใครได้สวดบทนี้ทุกวัน ชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ
..................................
ประวัติพระปางนาคปรก

หลังจากที่พระพุทธโคตมได้ทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้แปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุตติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นักโดยประทับแต่ละที่สัปดาห์ละ 7 วัน และในสัปดาห์ที่ 6 ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิกน้ำ) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอดเจ็ดวันไม่ขาดสาย พญานาคได้ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้ เข้าไปขนด 7 รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์ ลำดับนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเปล่งอุทานว่า

ความสงัดคือความสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้วได้รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความสำรวมไม่เบียดเบียนในสัตว์ทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ปราศจากกำหนัดหรือสามารถก้าวล่วงพ้นซึ่งกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขอันประเสริฐในโลก ความขาดจากอัสมิมานะหรือการถือตัวตนหากกระทำให้ (การถือตัว) หมดสิ้นไปได้นั้นเป็นความสุขอย่างยิ่ง

...............................................................

 
พระชุดนี้พระอาจารย์ทองเจือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ พร้อมคุณลุงแก้ว ศิริรัตน์และคณะร่วมกันจัดสร้าง เพื่อนำปัจจัยสมทบทุน
 
สร้างถาวรวัตถุในวัดต่างๆ วัตถุมงคลชุดนี้ประกอบด้วย
 
1.พระเนื้อผงพิมพ์พระปิดตาภควัมบดี
 
2.พระเนื้อผง พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่นั่งสมาธิ(พิมพ์เสาโบสถ์)
 
3.เข็มกลัดและเข็มติดเนคไท
 
4.พระนาคปรกใบมะขาม
 
5.ผ้ายันต์พิมพ์สี่เหลี่ยม
 
6.รูปพิมพ์ขนาดเล็ก
 
การสร้างพระได้ทำขึ้น 3 วาระคือ
 
-วาระแรก ได้ประกอบพิธีที่วัดปากน้ำ
 
-วาระที่สอง ได้ประกอบพิธีที่วัดวิเวกวนาราม
 
-วาระที่สาม ได้ประกอบพิธีที่วัดดอยแม่ปั๋ง
 
 ...................................................................................
การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน เล่าโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
 
การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั่ง จ.เชียงใหม่
 
ต่อไปนี้เป็นคำเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟัง แล้วนำมาถ่ายทอด ลงในหนังสือโลกทิพย์ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยสิทธา เชตวัน ดังนี้ :-
 
 
หลวงปู่แหวน ไม่เคยสนใจเรื่องการสร้างพระเครื่องแปลกๆพิสดาร ตลอดจนเครื่องราง ของขลังเลย มีแต่พระและฆราวาสลูกศิษย์ลูกหาจัดสร้างขึ้น แล้วขนไปให้ท่านปลุกเสกบ้าง ซึ่งท่าน ก็มีเมตตาไม่ขัดข้อง
 
หลวงปุ่แหวน กล่าวว่า ชาวบ้านทั้งหลายยังติดข้องอยู่ในโลกธรรม โลกียสมบัติ ยึดถือตัวตน บุคคลเราเขา ยังเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีโอกาสจะเป็นนักบวชกระทำจิตตัดกิเลส หาทางหลุดพ้น ได้สะดวก จำเป็นอยู่เอง ที่ชาวบ้านจะต้องยึดถือพระเครื่องเป็นที่พึ่ง อย่างน้อยพระเครื่องก็เป็นจุด ให้ชาวบ้านเข้าถึงความดี ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่ชาวบ้านจะมี พระเครื่องไว้ติดตัว
 
" ปู่ก็เสกให้ ใครเอามาให้ ก็ต้องเสกให้ไป ด้วยความเมตตานั่นแหละ หลานเอ๊ย"
 
หลวงปุ่แหวน กล่าวไว้อย่างนี้ เมื่อคณะศรัทธาจากที่ต่างๆทั่วสารทิศ หอบหิ้วขนเอาพระ เครื่องรางของขลัง ไปให้ท่านปลุกเสกถึงวัด
ตอนนั้นหลวงปู่แก่มากแล้ว ชราภาพไปด้วยวิสัยสังขาร หูตึง เดินเหินไม่สะดวก ทางวัดจึง ต้องจำกัดเวลาให้ชาวบ้านเข้านมัสการ ไม่ีค่อยจะให้ท่านเดินทางไกลไปร่วมปลุกเสกพระเครื่อง ในพธีพุทธาภิเษกใดๆ ง่ายๆ นอกจากว่า หลวงปุ่จะยินดีเต็มใจไปเองจริงๆ ทั้งนี้ก็เพื่อจะถนอม ชีวิตของหลวงปุ่แหวน ไว้ให้ยืนนานเป็นมิ่งขวัญของวัดและประชาชน ผุ้เคารพศรัทธาทั้งหลาย ต่อไปให้นานเท่านาน นั่นเอง
 
มีสิ่งที่น่าสังเกตุอยู่อย่างคือ พระเครื่องรางของขลังใดๆ ที่พระและฆราวาส นำไปขอเมตตาจิต จากหลวงปู่แหวน เพื่อให้ท่านปลุกเสกให้นั้น หลวงปู่แหวน จะปลุกเสกให้อย่างมากไม่เกิน ๙ นาที บางครั้งก็เสกให้ ๓ นาที ๕ นาทีบ้าง เป็นอันว่าใช้ได้
 
การปลุกเสกนี้ไม่มีพิธีรีตรองใดๆทั้งสิ้น ต้องไปนอนอยู่ที่วัดรอให้หลวงปู่แหวนออกมาจาก ห้อง พอท่านออกมาก็ขนสิ่งที่จะปลุกเสกเข้าไปกราบนมัสการท่านทันที แล้วท่านก็จะทำให้ ในเดี๋ยวนั้น ทำปุ๊ปเสร็จปั๊ป ก็เป็นอันว่าแล้วกันไป เสร็จสิ้นเรื่องเปิดโอกาสให้ผู้คนอื่นๆ เข้าไปนมัสการท่าน ตามคิว ซึ่งแน่นขนัดอยู่ทุกวัน ไม่มีขาด
 
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าถึงการปลุกเสกพระ ที่ลูกศิษย์ ลุกหาต่งถอดสร้อย และรวมพระ เครื่องต่งๆ รอให้หลวงปุ่แหวน ปลุกเสกให้ดังนี้ :-
" พอใครขนเอาเครื่องรางไปวางเสร็จ หลวงปู่แหวนก็ัตั้งท่าสงบใจสงเคราะห์ อาตมาก็จับดู จิตของหลวงปุ่แหวน ดูอารมณ์จิตของท่านว่า จะทำยังไง
ครั้นแล้ว ก็เห็นอารมณ์จิตของหลวงปู่แหวนผ่องใสเป็นดาวประกายพฤษ์เต็มดวง ลอยอยู่ใน อกท่าน เวลานั้นกำลังจิตของหลวงปุ่แหวน ก็คิดว่า ขออารธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ให้มาโปรดช่วยทำของเหล่านี้ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญมงคล ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้เข้าถึงพระธรรม
 
โดยความจริง หลวงปุ่แหวน ไม่คิดว่าเสกให้เอาไปตีกับชาวบ้าน เอาไปปล้นชาวบ้าน ท่านเสก ให้คนเข้าถึงธรรม
ท่านนึกในใจต่อไป หลวงปุ่แหวนก็อาราธนาบารมีของพระอรหันต์ทั้งหมด บารมีของพรหม ของเทวดาทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์
พอถึงพะอรหันต์ อาตมาก็เห็นหลวงปู่ตื้อ ปรี๊ดมาถึงข้างหลัง เอากำปั้นลง หลังอาตมาปั๊ปเข้าให้ แล้วถามว่า เฮ้ย ... มึงมานั่งอยู่ทำไมวะ อาตมาก็เลยบอกไปว่านี่ ... พระผี ไม่ต้องพูด หลวงปู่ แหวน เชิญพระผีนะ ไม่ได้เชิญพระมีเนื้อหนังมังสา มีหน้าที่อะไรก็ทำไป
 
แล้วก็ได้เห็นกระแสจิตหลวงปุ่แหวน เป็นประกายพฤกษ์ พุ่งออมาจากอก สว่างเจิดจ้า ใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด แสงสว่างประกายพฤกษ์ของจิตพระอรหันตเจ้า แทรกลงไปในเครื่องรางของขลัง อยู่ผิวด้านหน้ายันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมดอาบลงไปหมด เลย โพลงสว่างสุกปลั่งไปหมด คล้ายตกอยู่ในเบ้าหลอม เป็นกระแสสว่างของจิตที่เยือกเย็น เต็มไป ด้วยอำนาจพุทธบารมี เห็นแล้วรู้สึกเยือกเย็นสบายอย่างประหลาด บอกไม่ถูก
 
นี่เป็นการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของ หลวงปุ่แหวน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง ๓ นาที แต่ทว่า อานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงความขลงศักดิ์สิทธิ์ เลิศล้ำน่ามหัศจรรย์
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖
เงื่อนไขอื่นๆ
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี ๒๕๑๖ เนื้อทองแดง  พร้อมเลี่ยมทอง

พระนาคปรก มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีมะโรง ปีมะเส็ง หรือคนเกิดปีที่เกื้อหนุนกันกับปีมะโรง เช่น คนเกิดปีฉลู ปีระกา ปีชวด ปีวอก เพื่อหนุนดวง เสริมบารมี โชคลาภ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาดจากภัยอันตลาดทั้งปวง หรือคนที่ต้องการเสริมดวงแก้ปีชง ในปีมะโรง ตามความเชื่อ  หรือคนที่เกิดวันเสาร์ ควรจะมีพระนาคปรกไว้บูชาเนื่องจากเป็นพระประจำวันเกิด

คาถาบูชาพระนาคปรก

ตั้งนะโม 3 จบ น้อมจิตระลึกถึงพระรัตนตรัย แล้วสวดคาถาบูชาพระนาคปรก 10 จบ (ตามกำลังวันเสาร์)

ยะโตหัง  ถะคินิ  อะริยายะ  ชาติยาชาโต  นาภิชานามิ  สัญจิจจะ   ปาณังชีวิตา  โวโรเปตา  เตนะ  สัจเจนะโสตถิ  เต  โหตุ  โสตถิ  คัพภัสสะ ฯ

คาถาบูชาพระปางนาคปรกแบบย่อ

ตั้งนะโม 3 จบ

 โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ

อานุภาพของบทสวดบูชาพระนาคปรก คือ ปกป้องคุ้มครอง ปัดเป่าทุกข์และภัยพิบัติต่าง ๆ และยังมีความเชื่ออีกว่าพระปางนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ทางเมตตา  ยังเชื่อกันอีกว่าเป็นพระคาถาขององคุลิมาลที่ไว้ท่องเวลาเสกน้ำให้ผู้หญิงท้องดื่ม เพื่อจะได้คลอดบุตรง่าย ๆ รับรองว่าหากใครได้สวดบทนี้ทุกวัน ชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ
..................................
ประวัติพระปางนาคปรก

หลังจากที่พระพุทธโคตมได้ทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์ได้แปรที่ประทับเพื่อเสวยวิมุตติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นักโดยประทับแต่ละที่สัปดาห์ละ 7 วัน และในสัปดาห์ที่ 6 ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิกน้ำ) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่นี่ ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกพรำตลอดเจ็ดวันไม่ขาดสาย พญานาคได้ขึ้นจากสระน้ำที่อยู่ในบริเวณแห่งเดียวกันนี้ เข้าไปขนด 7 รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้า เพื่อป้องกันลมฝนมิให้พัดและสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย ครั้นฝนหาย ฟ้าสาง พญานาคจึงคลายขนดออก แล้วจำแลงเป็นเพศมาณพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าทางเบื้องพระพักตร์ ลำดับนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเปล่งอุทานว่า

ความสงัดคือความสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้วได้รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความสำรวมไม่เบียดเบียนในสัตว์ทั้งหลาย และ ความเป็นผู้ปราศจากกำหนัดหรือสามารถก้าวล่วงพ้นซึ่งกามทั้งปวงเสียได้ เป็นสุขอันประเสริฐในโลก ความขาดจากอัสมิมานะหรือการถือตัวตนหากกระทำให้ (การถือตัว) หมดสิ้นไปได้นั้นเป็นความสุขอย่างยิ่ง

...............................................................

 
พระชุดนี้พระอาจารย์ทองเจือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ พร้อมคุณลุงแก้ว ศิริรัตน์และคณะร่วมกันจัดสร้าง เพื่อนำปัจจัยสมทบทุน
 
สร้างถาวรวัตถุในวัดต่างๆ วัตถุมงคลชุดนี้ประกอบด้วย
 
1.พระเนื้อผงพิมพ์พระปิดตาภควัมบดี
 
2.พระเนื้อผง พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่นั่งสมาธิ(พิมพ์เสาโบสถ์)
 
3.เข็มกลัดและเข็มติดเนคไท
 
4.พระนาคปรกใบมะขาม
 
5.ผ้ายันต์พิมพ์สี่เหลี่ยม
 
6.รูปพิมพ์ขนาดเล็ก
 
การสร้างพระได้ทำขึ้น 3 วาระคือ
 
-วาระแรก ได้ประกอบพิธีที่วัดปากน้ำ
 
-วาระที่สอง ได้ประกอบพิธีที่วัดวิเวกวนาราม
 
-วาระที่สาม ได้ประกอบพิธีที่วัดดอยแม่ปั๋ง
 
 ...................................................................................
การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน เล่าโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
 
การปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั่ง จ.เชียงใหม่
 
ต่อไปนี้เป็นคำเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าให้ลูกศิษย์ของท่านฟัง แล้วนำมาถ่ายทอด ลงในหนังสือโลกทิพย์ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ ปี พ.ศ.๒๕๒๕ โดยสิทธา เชตวัน ดังนี้ :-
 
 
หลวงปู่แหวน ไม่เคยสนใจเรื่องการสร้างพระเครื่องแปลกๆพิสดาร ตลอดจนเครื่องราง ของขลังเลย มีแต่พระและฆราวาสลูกศิษย์ลูกหาจัดสร้างขึ้น แล้วขนไปให้ท่านปลุกเสกบ้าง ซึ่งท่าน ก็มีเมตตาไม่ขัดข้อง
 
หลวงปุ่แหวน กล่าวว่า ชาวบ้านทั้งหลายยังติดข้องอยู่ในโลกธรรม โลกียสมบัติ ยึดถือตัวตน บุคคลเราเขา ยังเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีโอกาสจะเป็นนักบวชกระทำจิตตัดกิเลส หาทางหลุดพ้น ได้สะดวก จำเป็นอยู่เอง ที่ชาวบ้านจะต้องยึดถือพระเครื่องเป็นที่พึ่ง อย่างน้อยพระเครื่องก็เป็นจุด ให้ชาวบ้านเข้าถึงความดี ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่ชาวบ้านจะมี พระเครื่องไว้ติดตัว
 
" ปู่ก็เสกให้ ใครเอามาให้ ก็ต้องเสกให้ไป ด้วยความเมตตานั่นแหละ หลานเอ๊ย"
 
หลวงปุ่แหวน กล่าวไว้อย่างนี้ เมื่อคณะศรัทธาจากที่ต่างๆทั่วสารทิศ หอบหิ้วขนเอาพระ เครื่องรางของขลัง ไปให้ท่านปลุกเสกถึงวัด
ตอนนั้นหลวงปู่แก่มากแล้ว ชราภาพไปด้วยวิสัยสังขาร หูตึง เดินเหินไม่สะดวก ทางวัดจึง ต้องจำกัดเวลาให้ชาวบ้านเข้านมัสการ ไม่ีค่อยจะให้ท่านเดินทางไกลไปร่วมปลุกเสกพระเครื่อง ในพธีพุทธาภิเษกใดๆ ง่ายๆ นอกจากว่า หลวงปุ่จะยินดีเต็มใจไปเองจริงๆ ทั้งนี้ก็เพื่อจะถนอม ชีวิตของหลวงปุ่แหวน ไว้ให้ยืนนานเป็นมิ่งขวัญของวัดและประชาชน ผุ้เคารพศรัทธาทั้งหลาย ต่อไปให้นานเท่านาน นั่นเอง
 
มีสิ่งที่น่าสังเกตุอยู่อย่างคือ พระเครื่องรางของขลังใดๆ ที่พระและฆราวาส นำไปขอเมตตาจิต จากหลวงปู่แหวน เพื่อให้ท่านปลุกเสกให้นั้น หลวงปู่แหวน จะปลุกเสกให้อย่างมากไม่เกิน ๙ นาที บางครั้งก็เสกให้ ๓ นาที ๕ นาทีบ้าง เป็นอันว่าใช้ได้
 
การปลุกเสกนี้ไม่มีพิธีรีตรองใดๆทั้งสิ้น ต้องไปนอนอยู่ที่วัดรอให้หลวงปู่แหวนออกมาจาก ห้อง พอท่านออกมาก็ขนสิ่งที่จะปลุกเสกเข้าไปกราบนมัสการท่านทันที แล้วท่านก็จะทำให้ ในเดี๋ยวนั้น ทำปุ๊ปเสร็จปั๊ป ก็เป็นอันว่าแล้วกันไป เสร็จสิ้นเรื่องเปิดโอกาสให้ผู้คนอื่นๆ เข้าไปนมัสการท่าน ตามคิว ซึ่งแน่นขนัดอยู่ทุกวัน ไม่มีขาด
 
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าถึงการปลุกเสกพระ ที่ลูกศิษย์ ลุกหาต่งถอดสร้อย และรวมพระ เครื่องต่งๆ รอให้หลวงปุ่แหวน ปลุกเสกให้ดังนี้ :-
" พอใครขนเอาเครื่องรางไปวางเสร็จ หลวงปู่แหวนก็ัตั้งท่าสงบใจสงเคราะห์ อาตมาก็จับดู จิตของหลวงปุ่แหวน ดูอารมณ์จิตของท่านว่า จะทำยังไง
ครั้นแล้ว ก็เห็นอารมณ์จิตของหลวงปู่แหวนผ่องใสเป็นดาวประกายพฤษ์เต็มดวง ลอยอยู่ใน อกท่าน เวลานั้นกำลังจิตของหลวงปุ่แหวน ก็คิดว่า ขออารธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ให้มาโปรดช่วยทำของเหล่านี้ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญมงคล ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้เข้าถึงพระธรรม
 
โดยความจริง หลวงปุ่แหวน ไม่คิดว่าเสกให้เอาไปตีกับชาวบ้าน เอาไปปล้นชาวบ้าน ท่านเสก ให้คนเข้าถึงธรรม
ท่านนึกในใจต่อไป หลวงปุ่แหวนก็อาราธนาบารมีของพระอรหันต์ทั้งหมด บารมีของพรหม ของเทวดาทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์
พอถึงพะอรหันต์ อาตมาก็เห็นหลวงปู่ตื้อ ปรี๊ดมาถึงข้างหลัง เอากำปั้นลง หลังอาตมาปั๊ปเข้าให้ แล้วถามว่า เฮ้ย ... มึงมานั่งอยู่ทำไมวะ อาตมาก็เลยบอกไปว่านี่ ... พระผี ไม่ต้องพูด หลวงปู่ แหวน เชิญพระผีนะ ไม่ได้เชิญพระมีเนื้อหนังมังสา มีหน้าที่อะไรก็ทำไป
 
แล้วก็ได้เห็นกระแสจิตหลวงปุ่แหวน เป็นประกายพฤกษ์ พุ่งออมาจากอก สว่างเจิดจ้า ใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด แสงสว่างประกายพฤกษ์ของจิตพระอรหันตเจ้า แทรกลงไปในเครื่องรางของขลัง อยู่ผิวด้านหน้ายันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมดอาบลงไปหมด เลย โพลงสว่างสุกปลั่งไปหมด คล้ายตกอยู่ในเบ้าหลอม เป็นกระแสสว่างของจิตที่เยือกเย็น เต็มไป ด้วยอำนาจพุทธบารมี เห็นแล้วรู้สึกเยือกเย็นสบายอย่างประหลาด บอกไม่ถูก
 
นี่เป็นการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของ หลวงปุ่แหวน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง ๓ นาที แต่ทว่า อานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงความขลงศักดิ์สิทธิ์ เลิศล้ำน่ามหัศจรรย์
Tags

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุเทพ เชียงใหม่ ออมทรัพย์
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านพลังศรัทธา
พลังศรัทธา
บริการให้เช่า พระเครื่อง และเครื่องรางของขลังทั่วไทย รับประกันแท้ตลอดชีพ
เบอร์โทร : 0966644953
อีเมล : phlangsraththa@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด

CATEGORY

MEMBER ZONE

CONTACT US

0966644953
พูดคุย-สอบถาม